11:00 - 19:00

จันทร์ - อาทิตย์

ไลน์ไอดี

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมต้องฉีดโบท็อกซ์?

เมื่อเราอายุมากขึ้น คิ้วด้านนอกและรูปคิ้วของเราจะเปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ที่อยู่ภายใต้ผิวหน้าทำให้รูปลักษณ์ของเราเปลี่ยนไป การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยผู้เชี่ยวชาญของเราจะใช้โบท็อกซ์ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อที่เกิดการกดทับ และกล้ามเนื้อแข็งตัวโดยเฉพาะ ซึ่งกล้ามเนื้อเหล่านี้มีหน้าที่ในการหดและคลายตัว ตามการแสดงอารมณ์ ณ ส่วนต่างๆของใบหน้า โดยที่โบท็อกซ์ ทำให้ใบหน้าคุณดูผ่อนคลายตัวและดูอ่อนกว่าวัยได้

ฟิลเลอร์ดีกว่าโบท็อกซ์จริงหรือ?

ในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่คุณต้องการแก้ไข ฟิลเลอร์จะหน้าที่ที่เติมเต็มผิว ลบริ้วรอย และร่องแก้มบนใบหน้า ในขณะที่โบท็อกซ์จะช่วยคลายความ ตึงเครียดของกล้ามเนื้อและริ้วรอยที่เกิดจากกาลเวลา ฉะนั้นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสามารถเกิดขึ้นได้จากการรักษาแบบผสมผสาน การฉีดโบท็อกซ์จะค่อยๆ ให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์เข้สในผิวหนัง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อ 10 วันหลังฉีด และในส่วนของระยะเวลาผลลัพธ์จากการรักษาที่ได้นั้น โบท็อกซ์จะให้ผลลัพธ์อยู่กับคุณได้เป็นเวลา 3-6 เดือน ในขณที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ระหว่าง 4-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ และปฏิกริการตอบรับของร่างกายต่อการรักษา

จำเป็นต้องฉีดโบท็อกซ์ต่อไปเรื่อยๆหรือไม่?

แน่นอนที่สุด หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยั่งยืน ทางเราสามารถช่วยคุณวางแผนจัดการ และกำหนดระยะเวลาการฉีดได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ได้จากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่น โบท็อกซ์ของ Allergan สามารถฉีดได้ทุก 6 เดือน และ Hugel (โบท็อกเกรด Premium) สามารฉีดได้ในทุกๆ 4 เดือน

จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่มาเข้ารับการรักษาตามเวลานัด?

ทางที่ดีไม่ควรข้ามช่วงการฉีดซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์มีความเสถียรอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นเกิน ๆ สามเดือน เพราะคุณอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามแผนที่วางไว้ และถ้าหากคุณหยุดใช้โบท็อกซ์ คุณจะสูญเสียผลประโยชน์ของการรักษาที่ผ่านมา และผิวของคุณจะค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิม

โบท็อกซ์ปีละสองครั้งเพียงพอหรือไม่?

คุณสามารถวางแผนการรักษาผิวหน้าด้วยโบท็อกซ์ได้สองถึงสามครั้งต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เราจึงเชื่อว่าการวางแนวทางแผนการรักษาไว้อย่างรอบคอบย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าแน่นอน ฉะนั้นการฉีดโบท็อกซ์มากไปอาจส่งผลเสียกับคุณเช่นเดียวกัน ทั้งยังก่อให้เกิดอาการดื้อต่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ทำให้ได้ผลลัพะ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

หลังฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ควรทำอะไรบ้าง?

หลังจากที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบ ห้ามสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วงสี่ชั่วโมงแรกหลังฉีด เลี่ยงการทำทรีตเมนต์ด้วยเลเซอร์ ห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำในช่วงสองสัปดาห์แรกหลังรับการรักษา นอกจากนั้นคุณยังสามารถดูแลรักษาด้วยระบบอื่นๆได้ปกติ

ฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม?

โบท็อกซ์จะถูกฉีดเข้ากล้ามเนื้อโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที คุณอาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นคุณก็สามารถกลับบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด

โบท็อกซ์ราคาเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่คุณเลือกและจำนวนยูนิตที่แน่นอนของโบท็อกซ์ ที่จำเป็นสำหรับประเภทของการรักษาที่เกี่ยวข้อง ทางเราแนะนำให้คุณตรวจสอบอัตราค่ารักษาของเราเพื่อดูรายการค่าธรรมเนียมทั้งหมดก่อน

คุณใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ผิวหนังของอะไร?

ขึ้นอยู่กับพื้นที่การรักษาและผลลัพธ์ที่ต้องการ Metro Beauty Center ใช้: ● Juvederm - ฟิลเลอร์ผิวหนังที่ดีที่สุดที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึงสองปีและลดอาการไม่สบายอย่างเห็นได้ชัด ● Belotero - ฟิลเลอร์ยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปและได้รับรางวัลสูงสุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ● Neuramis - ผลิตภัณฑ์นี้ให้ราคาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ที่มีงบน้อย อย่างไรก็ตาม ความหนืดสูงและให้ความคงทนของผลลัพธ์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทั้งยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน

ฟิลเลอร์ผิวหนังปลอดภัยหรือไม่?

ฟิลเลอร์ผิวหนังที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิกเป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานทองคำเนื่องจาก HA มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ที่ศูนย์ความงามเมโทร เราใช้ฟิลเลอร์ประเภทนี้ในการปรับโครงหน้าเชิงปริมาตร โดยปราศจากผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายใดๆเมื่อนำมาใช้อย่างถูกวิธี

ฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์พร้อมกันได้หรือไม่?

แน่นอนว่าสามารถทำได้ทั้งฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ในเวลาเดียวกัน บ่อยครั้ง ฟิลเลอร์ที่ผิวหนังช่วยเสริมผลการรักษาผิวของเทอร์มาจ ได้อย่างดี (การฟื้นฟูและกระชับผิว) รวมถึงการฉีดโบท็อกซ์ และการผ่าตัด (การปรับแก้ไขรูปหน้า)

Thermage CPT คืออะไร?

เทคโนโลยี Comfort Pulse (เทอร์มาจ CPT™) ให้ความเย็นแก่ผิวหนังชั้นนอกระหว่างการปล่อยคลื่นพลังไปยังผิวหนังเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยรู้สึกสบายผิวขณะรับการรักษา นอกจากนี้เทอร์มาจ CPT ทำงานร่วมกับ Tip 3.0 หรือ Total Tip 3.0

เทอร์มาจ Total Tip 3.0 คืออะไร?

Total Tip 3.0 ช่วยให้ส่งพลังงานความร้อนจำนวนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ Tip 3.0 เวอร์ชันเดิม และยังคงความปลอดภัยไว้เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นเก่า

ความแตกต่างระหว่าง เทอร์มาจ CPT กับ FLX™ คืออะไร?

เทอร์มาจ CPT เป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศในเทคนิคมัลติพาสและเวคเตอร์ และด้วย Total Tip 3.0 ทำให้การส่ง RF จำนวนมากมากกว่า เทอร์มาจ® รุ่นเก่า และมีความสม่ำเสมอมากกว่า เทอร์มาจ FLX™ เทอร์มาจ FLX™ มีประโยชน์เพียงด้านเดียวในการให้การรักษารวดเร็วกว่า แต่ขั้นตอนที่เร็วกว่าอาจไม่ละเอียดถี่ถ้วน ฉะนั้นการใช้ระยะเวลาดำเนินการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาตามความเหมาะสม

ต้องใช้ยาระงับประสาทในขณะรับการรักษาผิวด้วยเมอร์มาจหรือไม่?

การรักษานี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาระงับประสาท เนื่องจากจำเป็นต้องปรับระดับความรุนแรงให้เข้ากับความไวต่อความร้อนของผิวผู้ป่วย

ทำไมเส้นด้ายโพลีโพรพิลีนจึงไม่ผ่านการรับรองจากอย.ในประเทศไทย?

เส้นด้ายโพลีโพรพิลีนไม่ละลายน้ำ และสามารถก่อให้เกิดปัญหาได้ เส้นได้ชนิดนี้จึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้ดึงหน้า เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการอักเสบหรือแย่กว่านั้น ด้วยเหตุนี้เองทางเราจึงไม่ได้ใช้ด้ายชนิดนี้ในการรักษา

ติดต่อเราหากคุณมีคำถามเพิ่มเติม

เรายินดีตอบคำถามของคุณผ่านช่องทางต่างๆดังนี้: